มีผู้ใช้เฟสบุ๊คท่านหนึ่งได้เผยเรื่องราวหลังเธอเขานั้นได้เลี้ยงแมวเอาไว้แต่ครอบครัวดันไม่ให้เลี้ยง เขาจึงได้ออกมาเล่าประสบการณ์นี้ให้กับเหล่าทาสแมวได้ฟังกันโพสต์ระบุว่า…ทุกอย่างในบ้านเป็นของพ่อ ยกตัวอย่างง่ายๆตู้เย็นเป็นของพ่อ คุณเอาของเข้าตู้เย็นได้
แต่ถ้าพ่อเห็นอะไรที่ไม่ใช่ของๆเค้า เค้าจะโยนทิ้งทั้งหมด ถ้าคุณไปถามว่าเห็นของๆคุณไหม พ่อจะบอกไม่รับรู้ บ้านเป็นของพ่อและพ่อไม่ชอบแมว (คนในบ้านรักแมว เลี้ยงแมวได้ แต่อย่าวางข้าวของแมวให้พ่อเห็น พ่อปาทิ้ง
ขนาดว่า ถาดลองน้ำใต้ตู้เย็น(ปกติคนในบ้านจะดึงออกมาประมาณ2นิ้ว เพื่อให้แมวมีน้ำกิน) พ่อจะว่าทุกครั้งแตะถาดน้ำเข้าไปใต้ตู้เย็น บ้านเราพ่อเป็นศูนย์กลางจักรวาล เราคิดว่าประเด็นคือ ตอนนี้พ่อควบคุมการหายใจของเราอยู่
เรากลัวแค่พ่ออย่างอื่นเราชิล เราขาดทักษะการเข้าสังคมเพราะพ่อไม่ให้เราคุยกับเพื่อนบ้าน แต่อยู่นอกบ้านเราทำสิ่งที่เราอยากทำเดือนที่เเล้วท ะ เลาะกับพ่อเรื่องแมวเราแอบเลี้ยงแมวเอาไว้เวลาที่พ่อไม่อยู่บ้านเราจะเอาแมวมานอนด้วย เพราะตอนที่พ่ออยู่เราเอาไปไว้ที่บ้านแฟนไปมาหาสู้บ้านแฟนทุกวันกลับบ้านดึกพ่อก็ว่า
เราเลยย้ายมาอยู่กับแฟนเพราะแมวไม่ใช่ว่าเราไม่รักพ่อนะ แต่เราอยากมีพื้นที่ของตัวเองบ้าง แกรู้แล้วว่าเลี้ยงแมวพ่อจะให้เราเอาแมวไปปล่อยวัด ท่านจะให้เราไปทำงานที่วางแผนอนาคตให้เราคือไป ต่างประเทศไม่ใช่ประเด็นสำคัญมาก
เพราะนี่แหละสำคัญกว่าเพราะแกจะให้เอาไปปล่อยทำไม แล้วทำไมทำให้ลูกแค่เลี้ยงแมวเองทำไมไม่เลี้ยงให้ลูก คือเรายอมไปทำงานนะขอแค่เลี้ยงแมวให้เราก็พออย่าเอาไปปล่อยรักมากแมวก็เหมือนเพื่อนและลูกคนนึงเลยนะ
