เพราะชีวิตเราเกิดมามีเพียงหนึ่งชีวิตที่ต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนมีลมหายใจต่อ และด้วยเกิดมาเป็นจรก็ไร้ค่ามากพอแล้ว ต้องถูกมองข้ามว่าเป็นหมาจรไร้ประโยชน์ไร้ความสวยงามจึงไม่มีใครจะเหลียวแล แม้ยามเดือดร้อนถูกเขาชนได้แต่นอนแน่นิ่งไม่ขยับรอวันสิ้นใจ
โดยผู็ใช้เฟสบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า : Narmfah Boonkongdee ได้เผยแพร่เรื่องราวพร้อมได้เล่าว่า..ได้ยินเสียงร้องของเจ้าตูบออกมาดูเจอถูกชนนอนแน่นิ่งไม่ขยับตัว ด้วยถูกชนที่หลังจึงไร้เรี่ยวแรงที่จะลุกขึ้นมาเดินได้ ได้แต่นั่งใจจดใจจ่อรอคนมาช่วย
โดยเธอได้เล่าอีกว่า.. โดยเธอยังเล่าอีกว่า..ตอนนั้นเรากำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เหมือนที่เราทำอยู่เป็นประจำในทุกๆคืน แล้วเราก็ได้ยินเสียงเหมือนรถชนอะไรสักอย่าง ดังมาจากหลังบ้าน ซึ่งหลังบ้านเราเป็นคลอง และมีถนนเลียบคลองขนาด 2 เลน อยู่ที่อีกฝั่งนึงของคลองที่ว่านี้
โดยเธอยังเล่าอีกว่า..ตอนนั้นเรากำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ เหมือนที่เราทำอยู่เป็นประจำในทุกๆคืน แล้วเราก็ได้ยินเสียงเหมือนรถชนอะไรสักอย่าง ดังมาจากหลังบ้าน ซึ่งหลังบ้านเราเป็นคลอง และมีถนนเลียบคลองขนาด 2 เลน อยู่ที่อีกฝั่งนึงของคลองที่ว่านี้ หลังจากได้ยินเสียงหมาร้องโหยหวนตามมา เราก็รู้ทันทีเลยว่า
เสียงเบรกยาวแล้วตามด้วยเสียงโครมเมื่อกี๊ คือเสียงรถชนหมา แต่เราก็ไม่ได้รีบออกไปดูเหตุการณ์ในทันที เพราะที่เกิดเหตุมันอยู่คนละฝั่งคลองกับบ้านเรา แล้วเหตุมันก็เกิดขึ้นที่ด้านหน้ารีสอร์ท เราก็เลยคิดว่าเดี๋ยวก็คงจะมีพนักงานของรีสอร์ทออกมาดูกันอยู่แล้ว แล้วแถวนั้นก็ยังมีบ้านคนอยู่อีก 1 กลุ่มใหญ่ๆ อยู่ใกล้ๆกับที่เกิดเหตุอีกด้วย
คือคิดว่ายังไงก็ต้องมีคนเข้าไปดูและช่วยหมาตัวนี้อยู่แล้วแหละ ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่เราคิดค่ะ เราออกมายืนสังเกตการณ์อยู่หลังบ้านเรา คือยืนมองจากคนละฝั่งคลอง เราเห็นว่ามีคนเข้าไปดูกันเยอะพอสมควร ทั้งพนักงานรีสอร์ท ทั้งชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง ซึ่งทุกคนก็พูดคล้ายๆกันว่า “น่าสงสารเนอะ” “น่าจะมีคนพามันไปส่งโรงพยาบาลเนอะ” หรือ “โทรเรียก 1669
แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครทำอะไร ต่างคนต่างทยอยแยกย้ายกันเข้าบ้าน และปิดไฟนอนกันเงียบ แต่เธอก็ลองเดินไปเดินมา จนพอมองเห็นลางๆแล้วว่ามันยังอยู่ตรงนั้น แต่ตอนนี้มันเดินในลักษณะลากขาหลังแล้ว แล้วมันก็มานอนหมอบอยู่ชิดกับขอบปูนริมถนน
เราก็ตัดสินใจเดินข้ามคลองไปดู พอเราไปถึง ภาพแรกที่เห็นคือมันนอนหน้าเศร้า น้ำ ลาย ยืด เต็ม ปาก ขาหน้าเปียก โชกเลย เราก็เลยถ่ายรูปแล้วโพสต์ลงไปใน facebook เพื่อหาคนมาช่วยมัน ไปได้พักใหญ่ๆ ประมาณ 2 ชั่วโมง ก็มีพลเมืองดี 4 คนมาช่วย หมาตัวนี้ก็เลยกลายเป็นน้องหมา “ลัคกี้” ตามชื่อชั่วคราวที่เราต้ังให้มัน
ที่มา : Narmfah Boonkongdee